รีวิว Kroeber Aeroplus E จากเยอรมันนี
รีวิว Kroeber Aeroplus E จากเยอรมันนี
รีวิว เครื่องผลิตออกซิเจน
ยี่ห้อ Kroeber (โครเอเบอร์) รุ่น แอโรพลัส อี (aeroplus E)
จากประสบการณ์ของผู้รีวิว ลูกค้าส่วนใหญ่ที่กำลังจะเลือกซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนเป็นเครื่องแรก เพื่อใช้กับผู้ป่วยที่บ้าน มักจะไม่ทราบว่าจะตัดสินใจซื้อจากอะไร เปรียบเทียบเฉพาะราคา แต่ละร้าน โดยเน้นที่ราคาถูกที่สุด โดยลืมคำนึงถึงการบริการระยะยาว และมักจะมาด้วยคำถามคล้ายๆกัน วัตถุประสงค์การใช้งานใกล้เคียงกัน โดยไม่ทราบว่าแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ แต่ละแบบ การใช้งาน ฟังก์ชันต่างกันอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น
● ต้องพ่นยาคุณหมอให้ใช้ 8 ลิตร
● เครื่องผลิตออกซิเจน 3 ลิตร หรือ 5 ลิตร ต่างกันอย่างไร
● ถังออกซิเจนไฟฟ้าต้องเติมไหม
● ต้องพ่นยาทุกวัน คุณหมอบอกต้องใช้ 8 ลิตร
● พกพาด้วยใช้ที่บ้านด้วยมีไหม
● ต้องใช้น้ำอะไรเติม
● จะเอายี่ห้อ xxx เท่านั้น (เนื่องจากแพทย์ พยาบาล หรือมีญาติหรือเพื่อนที่เคยมีประสบการณ์ใช้ แนะนำบอกต่อ)
ซึ่งจะแตกต่างกับผู้ที่เคยซื้อเครื่องผลิตออกซิเจน และกำลังจะเลือกซื้อเครื่องที่ 2 ซึ่งมักจะระบุความต้องการมาชัดเจน เช่น
● ต้องการซื้อเครื่องพกพา
● ต้องการซื้อเครื่องที่มีเสียงการทำงานที่เบา เพราะเครื่องเดิมเสียงดังรบกวนการนอน
● ต้องการซื้อเครื่องกับบริษัทที่มีบริการเครื่องสำรองกรณีเครื่องมีปัญหา แม้ราคาต่างกันนิดหน่อยก็ไม่เป็นประเด็น
● ต้องการซื้อเครื่องกับบริษัทที่มีศูนย์บริการเป็นของตนเอง แม้กระทั่งขอเยี่ยมชมศูนย์ซ่อมก่อนตัดสินใจก็มี เพราะบ่อยครั้งจะพบว่า เครื่องที่ส่งซ่อมกับร้านที่ซื้อมาเลิกจำหน่ายไปแล้ว ไม่มีอะไหล่ รอส่งต่อ ซึ่งใช้เวลานาน
● ต้องการซื้อเครื่องกับศูนย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง เพราะต้องการการดูแลหลังการขาย
ผมในฐานะผู้รีวิวจึงแนะนำให้ทุกท่านที่กำลังตัดสินใจซื้อ ปรึกษาผู้จำหน่ายให้ครบถ้วนทุกประเด็น เพื่อให้ได้สินค้าที่ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งาน ตลอดจนอยู่ในงบประมาณที่เหมาะสมกับตัวเอง
สำหรับเครื่องผลิตออกซิเจนรุ่น แอโรพลัส อี (aeroplus E) เป็นเครื่องผลิตออกซิเจนขนาด 5 ลิตร ยี่ห้อ โครเอเบอร์ นำเข้าจากประเทศเยอรมันนี
Kröber Medizintechnik GmbH หรือทางผู้เขียนขอเรียกสั้นๆว่า โครเอเบอร์ (Kroeber) เป็นบริษัทสัญชาติ เยอรมันนี ก่อตั้งเมื่อปี 1981 หรือ 37 ปีที่แล้ว สำหรับ แอโรพลัส อี ผลิตที่โรงงงานใน Dieblich, Germany
จุดแรกเริ่ม ของการนำเข้าเครื่องผลิตออกซิเจนรุ่นนี้เข้ามา สืบเนื่องมาจาก มีลูกค้าชาวเยอรมัน ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องผลิตออกซิเจน ได้พักอาศัยอยู่ที่เกาะสมุย ประเทศไทยเรา มาเป็นระยะเวลานานแล้ว และได้ใช้นำเครื่องผลิตออกซิเจนยี่ห้อ โครเอเบอร์ ติดตัวมาด้วยจากประเทศบ้านเกิด เพื่อใช้ในรักษาอาการขาดออกซิเจนที่เป็นอยู่ แต่เนื่องจากเป็นการนำเข้ามาใช้ส่วนตัว มาเป็นระยะเวลานาน ประกอบกับไม่มีศูนย์บริการและจัดจำหน่ายยี่ห้อ โครเอเบอร์ ในประเทศไทย เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนใส้กรองออกซิเจนจึงไม่สามารถทำได้
ลูกค้าท่านนี้จึงได้โทรมาสอบถามเพื่อสั่งซื้อเครื่องผลิตออกซิเจน เพื่อมาใช้แทนเครื่องเดิมที่ใส้กรองออกซิเจนหมดอายุ โดยแจ้งความประสงค์ว่าอยากได้เครื่องผลิตอออกซิเจนขนาด 5 ลิตร ที่มีเสียงเงียบที่สุด ที่ทางศูนย์เรามีจำหน่าย โดยเบื้องต้นแจ้งว่าอยากได้เครื่องยี่ห้อ โครเอเบอร์ (Kroeber) เนื่องจากเครื่องเดิมที่ใช้อยู่เป็นยี่ห้อนี้ และประทับใจต่อการใช้งานเนื่องจากมีเสียงเบามาก จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงเครื่อง ไม่รบกวนการนอน แต่เนื่องจากในขณะนั้น ทางเรายังไม่มียี่ห้อนี้จำหน่าย จึงแนะนำรุ่น Jay5AW (Jay5Q) ซึ่งเป็นรุ่นขนาด 5 ลิตร ที่มีเสียงเบาที่สุดที่ทางศูนย์เราจำหน่ายให้ไปในขณะนั้นแทน
จากคำบอกเล่าของลูกค้าท่านนี้ ทำให้ทางเราค่อนข้างแปลกใจว่า มีเครื่องผลิตออกซิเจนที่เสียงเบาจนกระทั่งไม่สังเกตุเสียงการทำงานของเครื่องอยู่จริงหรือ? เราจึงได้เริ่มติดต่อไปยังผู้ผลิตในเยอรมันนี เพื่อพิสูจน์ให้ประจักษ์
แรกเริ่มทางเราได้โต้ตอบทาง E-mail เมื่อต้นปี 2018 จนกระทั่งมีการนัดเจอกันครั้งแรกที่ประเทศเยอรมันนี เพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้าทางด้านต่างๆ ร่วมทั้งร่วมทดสอบเครื่องผลิตออกซิเจนยี่ห้อ โครเอเบอร์ รุ่นต่างๆด้วย ทางเราพบว่าคำบอกเล่าของลูกค้าเยอรมันท่านนั้น ไม่เกินเลยจากความจริงเลย เครื่องทำงานได้เงียบมาก เงียบที่สุดที่เราเคยมีประสบการณ์จำหน่ายเครื่องผลิตออกซิเจนมากว่า 10 ปี รวมทั้งคุณภาพของวัสดุที่ใช้ งานประกอบ งานบรรจุภัณฑ์ทำออกมาได้สมกับเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศเยอรมันนี ในภารกิจครั้งนั้น ยังทำให้เราได้กลายเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้ายี่ห้อ โครเอเบอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
จากข้อตกลงร่วมกัน ทางเราจึงตัดสินใจนำเข้า รุ่น แอโรพลัส อี (aeroplus E) ซึ่งเป็นรุ่นที่เน้นการทำงานหนัก ดูแลง่าย ค่าใช้จ่ายไม่สูง โดยเฉพาะเสียงการทำงานซึ่งถือว่าเงียบที่สุดที่เคยมีมา และจะเป็นรุ่นที่เราจะทำการรีวิวในครั้งนี้ ในระหว่างนั้น ทางเราก็ได้มีการขอเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์กับทาง อย. ประเทศไทย ในขณะเดียวกันก็ได้มีการส่งทีมผู้ชำนาญการจากประเทศไทย ไปอบรมการซ่อมบำรุ่งเครื่องรุ่นนี้ที่ Dubai, UAE
และแล้วเครื่องผลิตออกซิเจนรุ่น แอโรพลัส อี (aeroplus E) ก็มาอยู่ในมือของเราแล้ว สำหรับเสปคเบื้องต้นสามารถดูได้ที่ตารางนี้ครับ
จากข้อมูลพื้นฐานหากนำมาเปรียบเทียบกับเครื่องผลิตออกซิเจนขนาด 5 ลิตร ที่เรามีจำหน่าย จะได้ผลการเปรียบเทียบตามตารางด้านล่างนี้ครับ
จากตารางเปรียบเทียบ จะพบว่าจุดเด่นของ แอโรพลัส อี (aeropluse E)
1. เป็นเครื่องที่ผลิตจากเยอรมันนี แบรนด์เยอมัน สร้างความมั่นใจให้กับญาติพี่น้องได้มากกว่า
2. ระดับเสียงการทำงานต่ำสุดตามคุณสมบัติเครื่องที่ <40 db ซึ่งในกลุ่มนี้รุ่น Jay5AW ก็เคลมระดับเสียงไว้ที่ระดับเดียวกันที่ <40 db แต่หากเปิดทำงานจริงพบกว่า aeroplus E ยังทำงานได้เงียบกว่า Jay5AW อยู่พอสมควร
3. แอโรพลัส อี (aeroplus E) น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 17.5 กิโลกรัม จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องผลิตออกซิเจนที่น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ระดับไม่เกิน 20 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าไม่หนักมากเมื่อเทียบกับรุ่นขนาด 5 ลิตร ที่น้ำหนักเบาสุด จะหนักว่า 2 กิโลกรัม คือยี่ห้อ ยูเวล (Yuwell) รุ่น 8F5AW โดยมีน้ำหนักเครื่องที่ 15.5 กิโลกรัม
4. การใช้พลังงานต่ำที่สุดคือที่ <300 วัตต์ โดยหากคำนวณการคิดค่าไฟต่อชั่วโมง จะกินไฟประมาณ 1.21 บาท/ชั่วโมง หากค่าไฟหน่วยละ 4 บาท เทียบกับรุ่นที่กินไฟสูงสุดที่ 600 วัตต์ คือยี่ห้อ ยูเวล (Yuwell) รุ่น 7F5W 2.4 บาท/ชั่วโมง หรือ 2 เท่า หรือประหยัดกว่ารุ่นที่ประหยัดไฟเป็นอันดับ 2 คือยี่ห้อ อินวาแคร์ (invacare) รุ่น เพอร์เฟคโต2 (perfecto2) อยู่ที่ 6.6% ดังนั้นหากคำนึงถึงการใช้งานระยะยาว ค่าไฟที่ประหยัดกว่าก็ถือว่าน่าจะนำมาร่วมพิจารณาในการตัดสินใจ
5. อายุของใส้กรองออกซิเจน (molecular sieves) ของรุ่น แอโรพลัส อี (Aeroplus E) นั้น ยาวนานกว่ารุ่นอื่นที่ 30,000 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในกลุ่มเครื่องผลิตออกซิเจน ซึ่งเครื่องผลิตออกซิเจนส่วนใหญ่จะมีอายุที่ 10,000 – 20,000 ชั่วโมง หรือ 5 ปี โดยที่ีอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน ในส่วนนี้ก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจหากคำนึงถึงการใช้ระยะยาว ชิ้นส่วนนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนเมื่อเสื่อมสภาพ ค่าใช้จ่ายสำหรับการเปลี่ยนนั้นแตกต่างกันในแต่ละรุ่น โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ประมาณ 7,000 บาท ขึ้นไป ทั้งนี้อายุไส้กรองออกซิเจนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของการใช้งานและการเก็บรักษาด้วย
6. แอโรพลัส อี (aeroplus E) รับประกัน 3 ปี มากกว่าทุกรุ่นที่จำหน่าย ซึ่งรุ่นอื่นจะรับประกันที่ 2 ปี จึงมั่นใจในการใช้งานได้มากกว่ารุ่นอื่นๆ
จากกล่องที่บรรจุมา จะพบว่ามีการซีลปิดกล่องมาอย่างดี คุณภาพของกล่องบรรจุภัณฑ์แข็งแรงกันกระแทกได้เป็นอย่างดี เมื่อเปิดกล่องมาแล้วจะพบการแพ็คกันกระเทือนมาอย่างแน่นหนา ภายในสะอาดไม่พบสิ่งสกปรกปนเปื้อน
อุปกรณ์ต่างๆที่อยู่ในกล่องประกอบไปด้วย
1.สายแคนนูล่า ขนาด 2 เมตร และขนาด 5 เมตร
2.สายออกซิเจน ขนาด 2 เมตร ใช้สำหรับต่อจากกระปุกน้ำให้ความชื้น เข้าช่อง Oxygen Outlet
3.สายออกซิเจน ขนาด 0.33 เมตร ใช้สำหรับต่ออุปกรณ์กันไฟฟ้า Firesafe เข้ากับสายแคนนูล่า
4.ไส้กรองอากาศสำรอง 1 ชิ้น (มีในเครื่องอีก 1 ชิ้น) ใช้กันไป 2 ปียาวๆเลยครับ
5.Firesafe ตัวป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และไฟฟ้าสถิตที่ตัวอุปกณ์ของเรา ส่วนนี้ผมมองว่าทาง Kroeber ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆมาก เนื่องจากในตัวเครื่องก็มี Sensor ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรอยู่แล้ว แต่ตัวนี้ทำมาป้องกันอีกชั้นเพื่อความมั่นใจในการใช้งานยิ่งขึ้น
6.ชุดกระปุกน้ำให้ความชื้น พร้อมฐานวางกระปุก
ตัวเครื่องทำจากพลาสติกคุณภาพดี มีผิวสัมผัสที่เรียบมัน แลดูแข็งแรง เครื่องมาพร้อมล้อ 4 ล้อ สามารถเคลื่อนย้ายในแนวราบได้อย่างสะดวก ด้วยน้ำหนักเครื่อง 17.5 กิโลกรัม พบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ยกขึ้นลงได้ ซึ่งน้ำหนักระดับนี้ แนะนำหากยกขึ้นบันได ควรให้ผู้ชายยก จะเหมาะสมกว่า
สำหรับการดีไซด์ตัวเครื่องนั้นมีหูหิ้วด้านบนสำหรับยก และจับเลื่อน หน้าจอมีไฟแสดงผลสถานะต่างๆดังนี้คือ
ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีที่เก็บสายไฟ ไม่เกะกะยามเก็บเครื่อง และมีช่องสำหรับดูดอากาศ ซึ่งในช่องนี้จะเป็นที่อยู่ของกรองอากาศ
สำหรับกรองอากาศของรุ่นนี้ใช้ของยี่ห้อ HUM จากเยอรมันนีเช่นเดียวกัน โดยตามคุณสมบัติจัดเป็น Hepa filter ซึ่งหมายถึง กรองอากาศที่สามารถกรองอนุภาคที่มากกว่า 0.3 ไมครอน ซึ่งสามารถกรองเชื้อวัณโรค ซึ่งมีขนาดประมาณ 1 ไมครอน ได้
ไส้กรองอากาศนี้ได้แถมมาในชุดแล้ว 1 ชุด โดยคำแนะนำจากผู้ผลิต แนะนำให้เปลี่ยนทุุกปี ขั้นตอนการเปลี่ยนนั้นทำไม่ยาก วิธีการคือ แนะนำให้ปิดการทำงานของเครื่องก่อน นำฝาหลังออก นำใส้กรองตัวเดิมออกโดยการดึงออก ใส่ใส้กรองตัวใหม่เข้าไปแทนที่ตำแหน่งเดิม ปิดฝาหลังเข้าไปดังเดิม
สำหรับเครื่องรุ่นนี้จะให้ที่วางกระปุกให้ความชื้นแยกออกจากตัวเครื่อง มาพร้อมกับชุดติดตั้งเป็นชุดเทปกาวคุณภาพสูง เราสามารถกำหนดตำแหน่งติดตั้งที่วางกระปุกได้เอง ไม่จำเป็นต้องติดไว้ที่เครื่องเสมอไป ข้อดีคือ เราสามารถกำหนดตำแหน่งกระปุกให้ความชื้นได้ยืดหยุ่นขึ้น กล่าวคือไม่จำเป็นต้องเลื่อนเครื่องผลิตออกซิเจนเข้าใกล้ตัวผู้ป่วย ตัวอย่างของการใช้งานแบบนี้ เช่น ผู้ใช้งานสามารถวางตำแหน่งเครื่องอยู่ท้ายเตียง แต่ติดตั้งกระปุกที่หัวเตียง เวลาใช้งานจะได้แทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องทำงานขณะนอน เนื่องจากตัวเครื่องอยู่ไกลจากหูผู้ใช้งาน
เมื่อติดตั้งอุปกรณ์พร้อมทุกอย่างแล้ว เราได้เสียบปลักไฟเข้ากับเต้ารับ ทางผู้ผลิตแนะนำให้ใช้เต้ารับที่มีคุณภาพ และไม่ให้ใช้เต้ารับควบคู่ไปกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น
จากนั้นได้ทำการเปิดเครื่อง เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาจะพบว่าหน้าจอแสดง code ว่าเครื่องทำงานปกติ แล้วจึงเปลี่ยนไปแสดงจำนวนชั่วโมงสะสม เครื่องที่เราทดสอบเป็นเครื่องใหม่แกะกล่อง จำนวนชั่วโมงสะสมจึงแสดงเป็น 0 ชั่วโมง
จากการสังเกตจะพบว่าเครื่องทำงานได้นิ่งและ เงียบมาก ไม่มีเสียงฮึมดังเหมือน รุ่นอื่นๆ ส่วนเสียงวาวล์ ที่ปกติจะได้ยินชัดเจน ดังปุบปับ ในรุ่นอื่นๆ สำหรับ แอโรพลัส อี (aeroplus E)นั้นก็มีเช่นเดียวกัน แต่เป็นเสียงที่เบามากๆจนแทบไม่ได้สังเกตเสียงที่เกิดขึ้น
สำหรับการใช้งานนั้น ใช้เหมือนเครื่องผลิตออกซิเจนทั่วๆไป โดยสามารถปรับอัตราการไหลของออกซิเจนได้ตามต้องการตั้งแต่ 0.5 – 5 ลิตร/นาที ซึ่งจากการปรับอัตราการไหลในทุกๆช่วง สังเกตุลูกลอยใน โฟลมิเตอร์ นิ่งสนิทในทุกช่วง แสดงถึงคุณภาพของ การจ่ายออกซิเจนที่คงที่ จากนั้นเราได้ทำการวัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจนหลังจากเปิดใช้งานไปแล้ว 5 นาทีในแต่ละช่วงอัตราการไหลโดย Oxygen analyzer ยี่ห้อ Longfian รุ่น Jay-120 ได้ค่าตามตารางด้านล่างนี้
จากตาราง พบว่า %O2 นั้นอยู่ในค่ามาตฐานตามคุณสมบัติของคุณสมบัติเครื่องคือระหว่าง 87 – 95% ซึ่งอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการใช้งานด้วยสายออกซิเจนแคนนูล่า
เราได้ทดสอบเปิดเครื่องติดต่อกันที่ระดับ 5 ลิตร/นาที รวมเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง แล้วจึงนำมาวัดค่าออกซิเจนแต่ละช่วงอีกครั้ง พบว่าได้ค่าต่างๆดังนี้
จะพบกว่าหลังจากใช้งานไปแล้ว 24 ชั่วโมง เครื่องผลิตออกซิเจนรุ่น แอโรพลัส อี (aeroplus E) ยังให้ค่า %O2 ที่อยู่ในระดับมาตรฐานเหมือนเดิม จึงสามารถมั่นใจในการใช้งานต่อเนื่องได้ตามที่ระบุไว้ว่าเปิดได้ 24 ชั่วโมง
สรุปว่าเครื่องรุ่นนี้เหมาะกับใคร
หากมองที่การเน้นใช้งานระยะยาว ด้วยการรับประกันที่มากกว่ามาตฐานทั่วไปที่ 3 ปี อายุใส้กรองออกซิเจนที่ยาวนานที่สุดในกลุ่มเครื่องผลิตออกซิเจนขนาด 5 ลิตร กว่า 30,000 ชั่วโมง กับค่าดูแลใสกรองอากาศที่ชุดละไม่เกิน 1000 บาท โดยเปลี่ยนปีละ 1 ครั้ง (ในกล่องแถมสำรองไปแล้ว 1 ชุด) ตลอดจนอัตราการกินไฟที่อยู่ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเปรียบเทียบเครื่องขนาด 5 ลิตร ด้วยกัน สามารถประหยัดไฟได้ชั่วโมงละ 1 .20 บาท (เมื่อเทียบกับเครื่องที่กินไฟระดับ 600 วัตต์ 2.4 – 1.2 = 1.2 บาท) หากคำนวณที่ 30,000 ชั่วโมง เท่ากับประหยัดค่าไฟไปได้ถึง 36,000 บาท และระดับราคาที่เปิดตัวมาไม่แพงเมื่อเทียบกับความคุ้มค่าที่ได้รับที่ 45,500 บาท ก็ถือว่าเหมาะกับคนที่มีงบประมาณพร้อมและต้องการเลือกเครื่องผลิตออกซิเจนไว้ใช้ระยะยาว
สำหรับกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเสียงการทำงาน ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำงานแล้วมีเสียงรบกวนน้อยที่สุด จึงเหมาะกับคนที่มีความกังวลต่อเสียงการทำงานของเครื่องผลิตออกซิเจนขณะใช้งาน เช่น นอนหลับยากหากเสียงดังขณะใช้ตอนนอน หรือแม้ว่าผู้ป่วยอาจไม่ได้ยินเสียงรบกวนแล้ว แต่คนเฝ้าไข้ที่ไวต่อเสียงดังขณะนอนอาจได้รับผลกระทบแทนก็เจอได้บ่อยครั้ง ปัจจัยเรื่องเสียงการทำงานจึงมีความสำคัญการตัดสินใจในกรณีนี้ครับ
จากประสบการณ์การผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ของ Kroeber จากประเทศเยอรมันนี ที่มีมากกว่า 37 ปี สำหรับท่านที่ให้ความสำคัญต่อแบรนด์ และความน่าเชื่อถือจากแหล่งผลิต เราเชื่อว่าเครื่องผลิตออกซิเจนยี่ห้อโครเอเบอร์ จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังจากคุณสมบัติการใช้งานของเครื่องที่ระบุไว้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดขอให้ผู้อ่านทุกท่านและคนที่ท่านรัก มีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพใจที่แจ่มใส ปราศจากโรคภัยใดๆทั้งสิ้นครับ
03 กันยายน 2564
ผู้ชม 5934 ครั้ง