เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก Cpap คืออะไร ? มีความแตกต่างจากเครื่อง Bipap อย่างไร ?
เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก Cpap คืออะไร ? มีความแตกต่างจากเครื่อง Bipap อย่างไร ?
CPAP Therapy คืออะไร
คำว่า CPAP นั้นย่อมาจาก Continuous Positive Airway Pressure เป็นการรักษาที่ได้ประสิทธิผลดีที่สุดวิธีหนึ่งในการรักษาภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea Syndrome, OSAS) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีอาการในระดับปานกลาง ถึง รุนแรง CPAP มีหลักการในการรักษาคือ การเป่าความดันลมผ่านทางจมูกหรือปาก ผ่านบริเวณลำคอ และโคนลิ้น ซึ่งเป็นส่วนทางเดินหายใจส่วนต้น เพื่อให้เปิดขยายตัวตลอดเวลาโดยไม่ให้มีการอุดกั้นขณะที่นอนหลับ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ใช้เครื่องสามารถหายใจรับอากาศอย่างพอเพียงและนอนหลับราบรื่นตลอดทั้งคืน โดยลมที่เป่าด้วยความดันนี้มักเป็นเพียงอากาศปกติ ไม่ใช่การให้ออกซิเจนตามโรงพยาบาล (ยกเว้นในบางรายที่จำเป็นมากเท่านั้น)
เครื่อง CPAP มีส่วนประกอบและรูปร่างหน้าตา เป็นอย่างไร
ปัจจุบันมีเครื่อง CPAP อยู่หลายแบบเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามส่วนประกอบของเครื่อง CPAP หลัก ๆนั้นจะคล้ายกัน ได้แก่ 1. ส่วนของเครื่องสร้างความดันลม 2. ส่วนของหน้ากากและสายรัดศีรษะ (CPAP Mask) 3.ส่วนของท่อลม และ 4.อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น เครื่องอบไอน้ำ หรือหน้ากากสำรอง เป็นต้น
ควรเลือกรักษาด้วย CPAP แบบใด
ก่อนการรักษาด้วย CPAP ท่านต้องได้รับการตรวจโดยแพทย์เฉพาะทางด้านนี้ รวมถึงต้องได้รับการตรวจสุขภาพการนอนหลับก่อนเสมอ เพื่อได้ข้อมูลที่ถูกต้องอันจะใช้ในการอ้างอิง เพื่อดูแลรักษาท่านในระยะยาวต่อไป และเมื่อท่านร่วมตัดสินใจกับแพทย์ว่า เป็นการรักษาที่เหมาะสมกับท่านแล้ว ท่านต้องตัดสินใจเลือกประเภทของเครื่อง เนื่องจากในปัจจุบัน มีเครื่อง PAP อยู่หลายแบบ ซึ่งแบ่งง่าย ๆ จะเป็น 1. เครื่องเป่าความดันลมแบบธรรมดา หรือ Manual CPAP 2.เครื่องเป่าความดันลม 2 ระดับ (Bilevel PAP หรือ BiPAP) และ 3. เครื่องเป่าความดันลมแบบปรับความดันอัตโนมัติ (Auto-adjusting PAP หรือ APAP) ในกรณีทั่วไปการใช้เครื่องแบบธรรมดาก็อาจเพียงพอซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าแบบอื่น ท่านจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะว่าแบบใด และความดันลมเท่าใดจึงจะเหมาะสมกับภาวะโรคของท่านโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย นอกจากนี้อาจมีรายละเอียดพิเศษเพิ่มเติม ซึ่งท่านต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการรวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ของท่านเองด้วย
CPAP มีวิธีใช้อย่างไร
การใช้เครื่อง CPAP นั้น จะเริ่มใช้เฉพาะเวลาที่ท่านกำลังจะนอนหลับ โดยท่านควรใช้ตลอดทั้งคืนและทุกคืนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวของท่าน วิธีการใช้ไม่ยุ่งยากและไม่ซับซ้อน ซึ่งในส่วนรายละเอียดเล็กน้อยทางเทคนิคเจ้าหน้าที่เฉพาะด้านนี้จะช่วยให้คำแนะนำท่านได้ ขั้นตอนง่ายๆ เช่นเพียงเปิดเครื่องก่อน เช็คระดับความดันลม และสวมหน้ากาก เพื่อให้ลมเป่าผ่านทางท่อเข้าสู่ทางเดินหายใจอย่างถูกต้อง แล้วจึงเข้านอน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักใช้เพียงหน้ากากที่ครอบจมูก (Nasal Mask) แต่บางครั้งอาจใช้หน้ากากแบบที่ครอบทั้งจมูกและปาก (Full-Face Mask) และน้อยรายมากที่จะใช้หน้ากากครอบเฉพาะบริเวณปาก (Oronasal mask)
ประโยชน์ หรือ ข้อดี ของการรักษาด้วย CPAP
การรักษาด้วยเครื่อง CPAP นั้นตามรายงานการวิจัยทั่วโลก จัดว่าเป็นการรักษาภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับระดับปานกลางหรือรุนแรง ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในแบบที่ไม่ต้องผ่าตัด ถ้าท่านได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและปรับความดันที่เหมาะสมกับท่านที่สุดโดยแพทย์เฉพาะทาง และท่านได้ใช้เครื่องตลอดทั้งคืน จะข้อดีมีทั้งในระยะสั้น คือ ท่านจะไม่มีอาการนอนกรนและจะนอนหลับได้ดีขึ้นพร้อมกับได้รับอากาศอย่างเต็มที่ ตื่นขึ้นมาจะสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย หรือ ความง่วงนอนตอนกลางวันอย่างที่ท่านรู้สึกความแตกต่างได้ รวมถึงในระยะยาวจะลดความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนหรืออาการอื่นๆที่เกิดจากภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับด้วย โดยหากท่านติดตามดูแลกับแพทย์อย่างใกล้ชิด จะมีความเสี่ยงในการรักษาน้อย
รศ.นพ.วิชญ์ บรรณหิรัญ
ภาควิชา โสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ความแตกต่างระหว่าง CPAP และ BiPAP คืออะไร?
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีและผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าคนจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย อาการที่พบบ่อยคือการนอนกรนมากเกินไป แต่ก็ยังสามารถทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้นรวมถึงการสูญเสียความทรงจำ, งุนงง, หงุดหงิด, ความรู้สึกทั่วไปของความรู้สึกป่วยไข้และในกรณีที่รุนแรงแม้กระทั่งความตาย ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรงสามารถรักษาด้วยเครื่องเพิ่มแรงดันอากาศทางบวกอย่างต่อเนื่อง (CPAP) หรือเครื่องแรงดันบวกทางเดินหายใจ Bi-Level Positive (BiPAP) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ ตัวเลือกระหว่าง CPAP และ BiPAP นั้นขึ้นอยู่กับชนิดของภาวะหยุดหายใจขณะหลับและความรุนแรง
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองเครื่องคือแรงดันที่ใช้เพื่อเพิ่มการไหลของอากาศ ด้วยเครื่อง CPAP การไหลของอากาศคงที่ ตรงกันข้ามเครื่อง BiPAP ให้แรงดันที่มากขึ้นระหว่างการสูดดมและแรงดันที่เบากว่าในระหว่างการหายใจออก เนื่องจากความแตกต่างเหล่านี้ CPAP และ BiPAP จึงถูกใช้เพื่อรักษาความผิดปกติที่แตกต่างกันเล็กน้อย CPAP นั้นเหมาะกับการหยุดหายใจขณะหลับและ BiPAP มักใช้รักษาอาการหยุดหายใจขณะหลับกลาง
การวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับมักเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยผ่านการศึกษาการนอนหลับเพื่อกำหนดรูปแบบการนอนหลับโดยรวม บ่อยครั้งที่อาการหลายอย่างที่ดูเหมือนจะชี้ไปยังเงื่อนไขอื่นพิสูจน์ว่าเกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นสาเหตุให้ผู้ประสบภัยหยุดหายใจเป็นระยะเวลาหนึ่งระหว่างการนอนหลับและมักพบคู่สมรสหรือคู่ครองที่มีอาการเป็นพยานในเหตุการณ์ตอนกลางคืน เมื่อมีการวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะผู้ป่วยและแพทย์สามารถตัดสินใจได้ว่าจะรักษาสภาพอย่างไร
อีกวิธีในการเลือกระหว่าง CPAP และ BiPAP คือความสะดวกสบาย หากผู้ป่วยลอง CPAP และพบว่าแรงกดดันต่อเนื่องไม่สบายใจ BiPAP อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ผู้ป่วยบางรายพบว่าความดันอากาศคงที่ทำให้การหายใจออกลำบากหรืออึดอัด การไหลเวียนของอากาศที่ลดลงในระหว่างการหายใจออกในเครื่อง BiPAP สามารถขจัดความรู้สึกไม่สบายนี้ได้
CPAP และ BiPAP แต่ละเครื่องมีเครื่องที่ให้อากาศไหลเวียนรวมถึงหน้ากากที่สวมไว้บนใบหน้าของผู้ป่วยในตอนกลางคืน แถบยางยืดที่มีน้ำหนักเบาถือหน้ากากได้ ด้วยการหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้นทางเดินหายใจมีแนวโน้มที่จะปิดในระหว่างการหายใจทำให้ CPAP เหมาะสมกว่าเพราะจะสร้างการไหลเวียนของอากาศอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อต้านการอุดตัน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับกลางซึ่งปัญหาการหายใจสามารถติดตามไปยังระบบทางเดินหายใจกลางได้บ่อยครั้งจะได้รับการบำบัดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย BiPAP
อ้างอิงจาก www.netinbag.com
เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก CPAP, BiPAP รายละเอียดเพิ่มเติม
30 มิถุนายน 2567
ผู้ชม 520 ครั้ง